ฟันเป็นอวัยะสำคัญที่ช่วยบดเคี้ยวอาหารเข้าสู่ร่างกาย เราจึงต้องดูแลฟันให้อยู่คู่กับเราให้นานแสนนาน เพราะถ้าดูแลฟันไม่ดี ทำให้ฟันผุ ฟันสึก ปวดฟัน เป็นหนอง ก็อาจจะทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก อาหารไม่ย่อยตามมา บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด มีอาการรุนแรงขึ้นได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจบางประเภท เป็นต้น
แบบนี้แล้วเราควรจะปลูกฝังเด็กๆ ให้รู้จักรักษาอวัยวะภายในช่องปาก และฟันให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ตั้งแต่ยังเป็นฟันน้ำนม ด้วยการมีวินัยในการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ รู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเมื่อฟันแท้ขึ้นมา ฟันก็จะได้แข็งแรงสวยงามตลอดไป
การแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันให้ถูกวิธี จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ทันตแพทย์หญิง รัศมี จินดาโรจนกุล คลินิกทันตกรรมสตาร์เด็นท์ กล่าวว่า “ในแง่ของทันตสุขภาพแล้ว การป้องกันมีความสำคัญมากกว่าการรักษา” แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า คนส่วนใหญ่ชอบที่จะเข้ารับการรักษาเสียมากกว่า ทั้งๆ ที่ค่าใช้จ่ายในการป้องกันนั้นต่ำกว่าค่ารักษาพยาบาลอย่างมาก โดยส่วนใหญ่มักจะหนีไม่พ้นกับคำตอบที่ว่า “ขี้เกียจ” ลองมาสังเกตกันดูก็ได้ว่า จริงๆ แล้วคุณใช้เวลาไปกับการแปรงฟันแต่ละครั้งนานแค่ไหน บางคนอาจจะใช้เพียง 1 - 2 นาที แต่บางคนแค่ 30 วินาทีก็ดูเหมือนจะนานเกินไป แต่ถ้าถามว่าคุณใช้เวลาในการดูทีวี เล่นคอมพิวเตอร์ เล่น FB หรือโซเชียลมีเดีย นานแค่ไหนในแต่ละวัน มันเทียบกันไม่ได้เลยทีเดียวใช่ไหม เพราะฉะนั้นคุณควรใช้เวลาประมาณ 3 นาทีสำหรับการแปรงฟัน และอีก 2 นาทีสำหรับการใช้ไหมขัดฟัน เพื่อแลกกับการจะต้องไปเสียเงินค่าอุดฟัน ถอนฟัน จะดีกว่าไหม
การแปรงฟันที่ถูกวิธี ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพียงแค่ 3 นาทีคุณก็สามารถแปรงฟันได้ทั่วถึงทั้งปากแล้ว ขอให้แปรงเป็นรอบตามที่ถนัด จะเริ่มจากซ้ายหรือขวา บนหรือล่างก่อนก็ได้ แต่ขอย้ำให้แปรงเป็นรอบ จะได้ไม่หลง โดยแปรงวนรอบนอกก่อน (ด้านกระพุ้งแก้ม) แล้วจึงวนเข้าแปรงด้านใน (ด้านลิ้น/เพดาน) จากนั้นจึงแปรงด้านบดเคี้ยว แล้วจบที่การแปรงลิ้นให้ทั่ว ทีนี้เวลาแปรงจริงให้ดูตามรูปจะเข้าใจได้ง่ายกว่า
เวลาแปรงให้เอียงแปรงทำมุม 45 องศากับผิวฟัน ออกแรงพอสมควร ไม่ต้องกดจนเหงือกเจ็บ วนเป็นวงกลมอยู่กับที่ 2 - 3 ครั้งแล้วปัด ทำซ้ำที่เดิม 2 - 3 ครั้งจึงเปลี่ยนตำแหน่ง โดยวางแปรงให้มีพื้นที่ซ้อนทับกับบริเวณเดิมเล็กน้อย ทำซ้ำอย่างนี้จนครบรอบ ทีนี้ก็มักจะมีคำถามว่า เดี๋ยวนี้มีแปรงสีฟัน ยาสีฟันออกมาวางขายในท้องตลาด มากมายหลากหลาย ยี่ห้อแล้วจะเลือกอย่างไรดี คุณหมอผู้ใจดีได้ให้คำแนะนำว่า “หน้าที่ของแปรงสีฟัน คือ เครื่องมือทำความสะอาดฟัน ส่วนยาสีฟันก็เป็นอุปกรณ์ช่วยให้การทำความสะอาดฟันได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ การแปรงฟันที่ถูกวิธีนั่นเอง”
แปรงสีฟันมาตรฐาน คือ แปรงสีฟันที่มีด้ามตรง หัวแปรงเรียว ขนแปรงอ่อน หน้าตัดเรียบ ปลายขนแปรงมน หากเลือกใช้แปรงสีฟันตามมาตรฐานก็สามารถแปรงฟันได้สะอาดแล้ว แต่ทั้งนี้ให้เลือกขนาดให้เหมาะสมกับปากและฟันของเราเอง เช่น คนปากกว้างก็ควรเลือกแปรงที่มีขนาดใหญ่ คนที่ปากแคบก็ควรเลือกแปรงขนาดเล็ก หรืออาจจะใช้แปรงเด็กก็ได้ไม่มีปัญหา ขอเพียงแต่ให้แปรงสามารถซอกซอนเข้าไปได้ทั่วถึงทุกซอกทุกมุมก็แล้วกัน ส่วนแปรงที่ออกแบบมาให้มีการหักมุม ส่วนใหญ่จะใช้ได้ดีกับฟันซี่ในสุด ซึ่งบางคนอาจจะแปรงเข้าไปไม่ได้ แปรงที่ออกแบบมาพิเศษจริงๆ ได้แก่ แปรงจัดฟันและแปรงซอกฟัน
แปรงจัดฟันเป็นแปรงสีฟันที่มีการเซาะร่องตรงกลางเป็นตัว V เพื่อให้สามารถวางแปรงคล่อมไปบนเครื่องมือจัดฟันได้ แต่ก็ต้องมีวิธีการแปรงพิเศษ ซึ่งคุณหมอจัดฟันจะเป็นผู้สอนแปรงฟันให้ในวันที่ติดเครื่องมือให้คนไข้จัดฟัน ส่วนแปรงซอกฟัน มีลักษณะคล้ายแปรงล้างขวดขนาดจิ๋ว ออกแบบมาสำหรับแปรงซอกฟันของคนที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งเหงือกจะร่นมากและเศษอาหาร รวมถึงแผ่นคราบจุลินทรีย์มักชอบเข้าไปติด จึงต้องใช้แปรงนี้ในการทำความสะอาด ปัจจุบันคุณหมอจัดฟันบางท่านอาจจะแนะนำให้คนไข้ใส่เครื่องมือจัดฟันชนิดติดแน่น ใช้ทำความสะอาดรอบๆ เครื่องมือจัดฟันด้วย
ยาสีฟัน โดยหน้าที่แล้วเป็นเสมือนสารชะล้างที่ช่วยให้การแปรงฟันมีชีวิตชีวามากขึ้น ด้วยคุณสมบัติของผิวฟันที่สามารถแลกเปลี่ยนแร่ธาตุได้ และคุณประโยชน์ของแร่ธาตุบางชนิดที่มีต่อผิวฟัน ทำให้มีการคิดค้นพัฒนาส่วนผสมเสริมเข้ามาในยาสีฟันกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟลูออไรด์ที่ช่วยในการป้องกันฟันผุ สารไตรแคลเซียมฟอสเฟต ช่วยในการดึงแคลเซียมเข้าสู่ผิวฟัน สารสตรอนเตรียมคลอไรด์ และโปรตัสเซียมไนเตรดช่วยลดอาการเสียวฟัน ผงขัดฟันชนิดต่างๆ เพื่อช่วยขัดคราบสีฟัน รวมทั้งสมุนไพรไทย/เทศจำนวนมากมาย แต่ทั้งนี้หลักการคือ ถ้าเหงือกและฟันของคุณปกติ คุณสามารถเลือกใช้ยาสีฟันใดๆ ก็ได้ เพราะเราต้องการให้ยาสีฟันนั้น ทำหน้าที่ช่วยชะล้างคราบต่างๆ ที่ติดอยู่บนตัวฟันให้ออกได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าเหงือกและฟันคุณมีปัญหา คุณอาจเลือกใช้ยาสีฟันที่แก้ปัญหาที่คุณมี ซึ่งยาสีฟันเหล่านั้นจะช่วยบรรเทาปัญหาให้เบื้องต้นเท่านั้น และต้องใช้อย่างต่อเนื่องระยะหนึ่ง โดยต้องแปรงฟันเพื่อให้ยาสีฟันนั้นสัมผัสกับผิวฟันเป็นเวลาอย่างน้อย 5 นาที ทั้งนี้และทั้งนั้นยาสีฟันไม่ได้ช่วยให้ฟันที่ผุแล้วหายผุ เหงือกที่อักเสบหายจากหายอักเสบ คอฟันที่สึกจนเสียวหายจากอาการเสียวอย่างถาวร คุณจะต้องเข้ารับการปรึกษาจากทันตแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
ทันตแพทย์หญิง รัศมี ยังกล่าวแนะนำอีกว่าควรใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วยเพื่อสุขภาพฟันที่ดี สำหรับคนที่เริ่มใช้ใหม่ๆ อาจไม่ค่อยถนัด อันนี้ต้องอาศัยการฝึกฝน ทำเป็นประจำแล้วจะมีความชำนาญมากขึ้น โอกาสที่เส้นไหมขัดฟันจะบาดเหงือกก็จะลดลง เวลาใช้ให้ดึงไหมขัดฟันออกจากกล่องยาวประมาณ 1 ฟุต ใช้นิ้วกลางพันไหมไว้ แล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือควบคุมการโอบของเส้นไหมไปรอบคอฟัน เวลาโอบให้โอบไปข้างเดียวกันแล้วถูเข้า-ถูออก ถูขึ้น-ถูลง ทำเช่นนี้กับฟันทุกซี่ เวลานำเส้นไหมเข้าไปที่ซอกฟันหรือเอาออกให้ค่อยๆ ถูไปตามแนวฟัน เส้นไหมจะแผ่ตัวบางลงและเลื่อนไหลลงสู่ช่องว่างบริเวณซอกฟันได้ ด้วยเหตุนี้ความหนาของเส้นไหมขัดฟันจึงไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้ฟันห่างได้ ไหมขัดฟันที่เคลือบขี้ผึ้ง (wax) ช่วยให้ไหมลื่นขึ้นและบาดเหงือกน้อยลง ส่วนการเคลือบด้วยสารให้กลิ่นต่างๆ เช่น มิ้นท์ นั้นจะช่วยในเรื่องของความสดชื่นเสียมากกว่า สำหรับคนที่แพ้มิ้นท์ ก็สามารถเลือกแบบไม่มีกลิ่นมินท์จะดีกว่า
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Stardent Dental Clinic ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี)
Share
21,062