อาจจะพูดได้ว่าในสมัยนี้ความรู้ในเรื่องภาษาเป็นสิ่งจำเป็น ภาษาเป็นประตูสู่การเรียนรู้ทางด้านสังคม
วัฒนธรรม รวมถึงการศึกษาสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน ใครที่มีความสามารถทางด้านภาษานับได้ว่า
เป็นคนที่มีความได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เป็นภาษาที่มีการใช้ค่อนข้างมาก
ผู้ปกครองจึงส่งเสริมการเรียนภาษากันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งเข้าคอร์สเรียนภาษาเพิ่มเติม
หรือจะเป็นการส่งบุตรหลานเข้าศึกษาต่อต่างประเทศ เพราะนอกจากจะเป็นการพัฒนาทักษะความรู้
ทางด้านภาษาโดยตรงแล้ว ยังได้รับประสบการณ์ เปิดมุมมองใหม่ๆ ของการใช้ชีวิต และยังเป็นการพัฒนา
และฝึกความมีระเบียบวินัยของบุตรหลานอีกด้วย
เมื่อจะส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศผู้ปกครองต้องเตรียมความพร้อมอะไรบ้าง คุณกานต์ธีรา ศิริปัญจนะ
ผู้จัดการทั่วไปของ SBC Abroad ชั้น 1 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) มีข้อแนะนำในการเตรียมความพร้อม คือ
- ด้านภาษา เป็นสิ่งจำเป็น นักเรียนส่วนใหญ่ต้องเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษก่อนเข้าเรียน
ในคอร์สหลัก ทั้งนี้จะเรียนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผลการสอบภาษาอังกฤษ หรือเทียบจากผลสอบ
IELTS หรือ TOEFL
- การเลือกประเทศที่จะไปศึกษา ควรจะเลือกตามความชอบของตัวเอง เช่น ชอบอยู่ในเมือง
หรือความทันสมัยอาจจะเลือกประเทศสหรัฐอเมริกา ชอบทะเลก็อาจจะเลือกประเทศออสเตรเลีย
ชอบป่า เขา เงียบๆ อาจจะเหมาะกับประเทศนิวซีแลนด์ หรืออาจจะเลือกตามงบประมาณที่มี
- เตรียมความพร้อมติดต่อโรงเรียนล่วงหน้า หากไปศึกษาต่อระดับมัธยมหรือมหาวิทยาลัย
ควรติดต่อล่วงหน้า อย่างน้อย 6 เดือน – 1 ปี และหากไปเรียนภาษาระยะสั้นหรือคอรส์เรียนเฉพาะด้าน
ควรติดต่อล่วงหน้า 1 - 2 เดือน ก่อนวันเปิดภาคเรียน อีกทั้งยังควรต้องเผื่อเวลาสำหรับขั้นตอน
การติดต่อโรงเรียนและขั้นตอนการทำวีซ่าด้วย
- เอกสารที่ต้องเตรียมเบื้องต้น คือ สำเนาหนังสือเดินทางปัจจุบัน ผลการเรียนย้อนหลัง 3 ปี
หลักฐานการศึกษาจากสถาบันเดิมและปัจจุบัน จดหมายรับรองจากอาจารย์หรืออธิการ /
ผู้อำนวยการโรงเรียน และควรจะมี Statement of Propose คือ การเขียนเรียงความบอกเล่าถึงตัวเอง
เกี่ยวกับประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ความชอบความสนใจพิเศษ ความคาดหวังในอนาคต
และแรงบันดาลใจที่อยากไปศึกษาต่อ ณ สถาบันและประเทศนั้นๆ
- การเตรียมตัวขอ VISA ต้องเตรียมเอกสารส่วนตัว และเอกสารของผู้ปกครอง
(สำหรับกรณีที่ผู้ปกครองเป็นผู้สนับสนุนออกค่าใช้จ่ายให้) และจำเป็นต้องมีเครดิตทางการเงิน
ที่ต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทางและการศึกษาที่สถาบันนั้นๆ
- การเลือกประเภทของสถาบัน ขึ้นอยู่กับคอร์สที่ไปเรียน และอายุของผู้เรียน
ซึ่งจะมีทั้งโรงเรียนสอนภาษา โรงเรียนระดับมัธยม วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย
- การเลือกประเภทที่พัก เลือกอยู่หอพัก มีข้อดีคือส่วนมากหอพักจะอยู่ใกล้กับโรงเรียน
หรือสถาบันบางที่อยู่บริเวณเดียวกับโรงเรียน จึงทำให้การเดินทางสะดวก ทำให้เรา
ได้ฝึกช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น ข้อเสียคือ อาจทำให้บางคนเบื่อบรรยากาศเดิมๆ
การอยู่กับโฮสแฟมิลี่ ทำให้เราได้ฝึกฝนภาษามากขึ้นกับเจ้าของภาษา ได้เรียนรู้วัฒนธรรม
ได้มิตรภาพจากโฮสแฟมิลี่ ฝึกการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น ส่วนข้อเสียคือหากได้โฮสแฟมิลี่ที่ไม่ถูกใจ
ก็อาจจะทำให้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตได้
- ประเภทและชนิดของโปรแกรมการเรียน มีหลากหลายทั้งแบบที่ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม
หลักสูตรวิชาชีพ ระดับมัธยม และระดับมหาวิทยาลัย
- งบประมาณ ขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่จะไปเรียน การเรียนภาษาอังกฤษจะใช้งบประมาณน้อยที่สุด
เพราะสามารถเลือกได้ว่าจะไปเรียนนานเท่าไหร่
- มองหาโอกาสในการเรียนและทำงานไปด้วย การทำงานในระหว่างเรียน
จะขึ้นอยู่กับกฏของแต่ละประเทศ วีซ่านักเรียนจะไม่สามารถทำงานได้ทุกประเทศ
จะทำงานได้บางประเทศเท่านั้น เช่น ประเทศออสเตรเลีย อนุญาตผู้ที่ถือวีซ่านักเรียน
ทำงานได้ 40 ชั่วโมง / 2 สัปดาห์ หรือในกรณีที่เรียนจบแล้วอยากทำงานต่อเลย
โดยปกติถ้าจะทำงานที่ประเทศนั้นๆ ต้องได้รับการจดหมายยืนยันจากนายจ้าง และต้องยื่นวีซ่า
ในการทำงานด้วย สำหรับประเทศออสเตรเลีย ถ้าเรียนในหลักสูตรวิชาชีพ หรือปริญญาตรี
ปริญญาโท เป็นหลักสูตรต่อเนื่อง 2 ปี หลังจากจบหลักสูตรแล้ว สามารถยื่นขอวีซ่าทำงานต่อได้อีก 2 ปี
ดังนั้น การศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้านก่อนในเบื้องต้น จะช่วยในการตัดสินใจก่อนส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศได้ค่ะ
Share
24,526