หายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบ นี่คือหลักการหายใจแบบง่ายๆ ที่ถูกวิธี แต่คุณเคยสังเกตการหายใจ
ของคุณว่าเป็นเช่นนี้หรือไม่ เราหายใจอยู่ทุกวันแต่เป็นการหายใจแบบอัตโนมัติของร่างกาย จึงไม่ค่อยได้สนใจ
ว่าการหายใจของตนเองถูกต้องหรือไม่ เพียงแค่เราใส่ใจกับลมหายใจของตนเอง คุณจะรู้ถึงความมหัศจรรย์
ที่มีอยู่ในร่างกายเราอย่างไม่น่าเชื่อ เวลาที่คุณเครียดหรือโกรธเรามักจะหายใจติดขัด ลองสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
แล้วค่อยผ่อนลมหายใจออกช้าๆ คุณจะรู้สึกดีขึ้น ความเครียดหรือความโกรธค่อยบรรเทาลง นอกจากนี้
การหายใจที่ถูกต้องยังช่วยเพิ่มออกซิเจนในร่างกายให้เลือดไปหล่อเลี้ยงได้ดีขึ้น ขับของเสียในร่างกาย
ช่วยบริหารกล้ามเนื้อ เสริมสร้างสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
คุณเพ็ญพิชชากร แสนคำ Clinical Director จากสถาบันปรับโครงสร้างร่างกายอริยะ ชั้น 2ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี)
ได้กล่าวถึงความสำคัญของการหายใจว่า การดำรงชีวิตของคนเราอยู่ได้ด้วยการหายใจ ซึ่งสิ่งนี้ก็บอกเป็นนัยๆ
ได้ว่า ความสำคัญของการหายใจนั้นสำคัญมากต่อการมีชีวิตอยู่ แน่นอนทุกคนที่ยังหายใจได้แปลว่ายังคง
ดำเนินชีวิตอยู่ แต่จะมีสักกี่ท่านที่หายใจได้ประสิทธิภาพอย่างแท้จริง นั่นคือการหายใจทุกครั้งร่างกายได้รับ
ออกซิเจนที่เพียงพอต่อความต้องการของทั้งร่างกาย
ปกติการหายใจที่ถือว่าได้ประสิทธิภาพคือ ปอดทุกส่วนต้องขยายตัวได้เต็มที่ ปอดของคนเรามีด้วยกันสามส่วน
คือ ปอดส่วนบน ส่วนกลาง และส่วนล่าง ทุกครั้งที่หายใจปอดจะขยายตัว ปอดล่างเมื่อขยายจะดันกระบังลม
ให้เลื่อนลง ทำให้ท้องป่องเวลาเราหายใจเข้า ส่วนปอดบนและส่วนกลางจะดันให้ชายโครงกางขึ้น จะเห็น
ชายโครงกางขึ้นชัดเจน แต่ส่วนใหญ่แล้วเรามักหายใจด้วยการใช้ปอดล่างอย่างเดียว แต่เหตุที่ทำให้ปอดบน
ไม่ค่อยขยายอาจเป็นเหตุจากบางคนอาจมีภาวะโครงสร้างร่างกายที่ยึดติด เช่น หลังค่อม ไหล่งุ้ม เหล่านี้
จะทำให้ข้อต่อกระดูกสันหลังซึ่งเชื่อมกับชายโครง ไม่ขยายตัวจึงเป็นเหตุให้อากาศเข้าไปได้น้อยกว่าปกติ
ซึ่งเราอาจจะรู้สึกเหมือนหายใจเร็ว ขัด และสั้น นานวันเข้าก็เป็นปัจจัยที่ทำให้มีปัญหาที่ระบบอื่นๆ ในร่างกาย
ตามมา เราหายใจเข้าเอาออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ ซึ่งออกซิเจนเป็นเสมือนอาหารของเซลล์ เมื่อเซลล์ได้อาหาร
ตามที่ต้องการ เซลล์ก็แข็งแรงเสมือนร่างกายเรามีภูมิต้านทานโรคภัยต่างๆ ได้ดีเพราะหน่วยย่อยของร่างกาย
เล็กสุดก็คือเซลล์ และเมื่อหายใจออกก็เป็นการขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และเชื้อโรคต่างๆ ผ่านท่อ
ทางเดินหายใจ ซึ่งของเสียเหล่านี้มักเกิดจากกระบวนการต่างๆ ภายในร่างกายคนเรา
หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่รู้สึกหายใจไม่อิ่ม หรือหายใจสั้นๆ ขัดๆ ท่านลองยืดอกขึ้น ผายหัวไหล่ไปด้านหลัง
แล้วลองหายใจเข้าให้ลึกและยาวที่สุด จินตนาการว่าเหมือนลำตัวเรากำลังพองออกมากที่สุด พร้อมกับค่อยๆ
หายใจออกช้าๆ ยาวๆ สักประมาณ 3 - 5 รอบ เพียงแค่นี้ล่ะค่ะ ท่านก็จะได้สัมผัสถึงความสดชื่นทันที
มหัศจรรย์ของลมหายใจ การหายใจที่มีประสิทธิภาพนอกจากจะเป็นเสมือนการสร้างภูมิต้านทานแล้ว
ยังเป็นการขับพิษและเชื้อโรคในร่างกาย ทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายไปด้วย ท่านสังเกตไหมคะว่า
ในขณะที่เราจดจ่ออยู่กับลมหายใจ จิตของเราก็ไม่ได้วุ่นวายอยู่กับเรื่องอื่นๆ เลย เสมือนท่านวางเรื่องราวต่างๆ
ที่ท่านไม่สบายใจไว้ก่อน จึงทำให้จิตใจผ่อนคลาย สบายตามไปด้วยค่ะ
คนส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันมักมองออกไปนอกตัวอย่างเดียว เพ่งเล็งกับการกระทำหรือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้อื่น
จนลืมหันกลับมามองดูสิ่งที่มหัศจรรย์ในตัวนั่นคือ “ลมหายใจ” เพียงเราลองหายใจให้ถูกวิธีแค่ 2-3 ครั้ง
ก็รู้สึกถึงความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าได้ แล้วหากเราฝึกเป็นประจำ เซลล์ในร่างกายก็จะแข็งแรง ของเสีย
ถูกขับออกข้อต่อกระดูกสันหลังก็เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ฯลฯ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ยืดอายุขัยเราได้อีกนานเลยค่ะ
Share
19,778